top of page

ตากฝนแล้วเป็นหวัดจริงหรือ?

Updated: Mar 2, 2021

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนหลายๆ คนก็มักมีคำถามเหล่านี้ขึ้นมาในใจ “ตากฝนแล้วเป็นหวัดจริงหรือ?” หรือ “ทำไมตากฝนแล้วเป็นหวัด?”


ซึ่งก่อนที่เราจะมาตอบคำถามเหล่านี้ เราต้องรู้ถึงสาเหตุการเกิดไข้หวัดกันก่อนนะคะ

ไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัสที่ไม่รุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อทางเดินหายใจส่วนต้น คือจมูกและคอ จึงทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ และจาม รวมไปถึงอาการเจ็บคอ โดยปกติแล้ว เราจะมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อไวรัสเหล่านี้อยู่บ้าง แต่มีโอกาสสัมผัสในปริมาณน้อย สภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม และเรายังมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง จึงทำให้มีโอกาสเกิดโรคหวัดได้น้อย


แต่ในช่วงเวลาที่ฝนใกล้ตก มักจะมีกระแสลมแรง และในกระแสลมเหล่านี้มักจะพัดเอาเชื้อไวรัสปะปนมาในปริมาณมาก ดังนั้น หากคุณอยู่ในที่โล่งแจ้งก็จะมีโอกาสได้รับเชื้่อมากขึ้นค่ะ

นอกเหนือจากนี้ หากศีรษะของเราเปียกฝน จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายต่ำลงประมาณ 1-2 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมมากที่ไวรัสจะแบ่งตัวและเกิดการตกค้างอยู่ในโพรงจมูก และหากรวมเข้ากับไวรัสที่ได้สัมผัสก่อนฝนตกแล้ว เชื้อไวรัสทั้งหมดก็อาจจะมีปริมาณมากเกินที่ภูมิต้านทานของเราจะรับไหว จึงทำให้เกิดเป็นโรคไข้หวัดขึ้นได้ค่ะ


สรุปก็คือ น้ำฝนเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้เกิดไข้หวัดได้ แต่ต้องอาศัยหลายๆปัจจัยรวมกันนะคะ


เพจ Doctor B (https://www.clinicya.com)

นพ.สมศักดิ์ หวานกิจเจริญ จากเพจนมพ่อแบบเฮฟวี่


วิธีดูแลตัวเองไม่ให้เป็นหวัดในฤดูฝน

-ไม่อยู่ในที่โล่งแจ้งในช่วงเวลาก่อนฝนตก หรือ หากจำเป็นต้องอยู่ แนะนำให้ใช้ผ้าสะอาดปิดปากและจมูก

-หลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะโดนฝน

-หากศีรษะเปียกให้รีบเช็ดหรือเป่าให้แห้งโดยเร็ว

-ทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ

-หมั่นรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง


วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นหวัด

-พักผ่อนให้เพียงพอ

-เลือกอยู่ในสถานที่ ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ไม่หนาว หรือ ร้อนจนเกินไป

-ดื่มน้ำในปริมาณมาก

-รับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการ

-หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดการแพร่เชื้อ

-หากอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์โดยด่วนค่ะ



Comments


Gif Ads
bottom of page